การลงทุนตลาดหุ้น รวมเรื่องที่ค้นหา : Sanook Money หน้า 1724

แท็ก

การลงทุนตลาดหุ้น

การลงทุนตลาดหุ้น ใหม่ล่าสุด

ใหม่ล่าสุด
ราคาน้ำมันดิบไลท์สิงคโปร์บ่ายนิ่งแตะ 78.05ดอลล์

ราคาน้ำมันดิบไลท์สิงคโปร์บ่ายนิ่งแตะ 78.05ดอลล์

        สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไลท์สัญญาส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ที่ตลาดสิงคโปร์ครึ่งวันบ่ายไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่ 78.05 ดอลลาร์/บาร์เรล        ขณะที่ราคาน้ำมันเตาเพิ่มขึ้น 1.1 เซนต์ มาอยู่ที่ 2.05 ดอลลาร์/แกลลอน ราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.1 เซนต์ มาอยู่ที่ 2 ดอลลาร์/แกลลอน และราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น 13.9 เซนต์ มาอยู่ที่ 5.78 ดอลลาร์/1 พันลูกบาศก์ฟุต        ทั้งนี้ ในวันนี้มูลค่าการซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ระหว่างใช้เวลาในวันหยุดช่วงเทศกาลคริสต์มาส ประกอบกับตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญยังคงปิดทำการ จึงขาดปัจจัยชี้นำความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน  

เปิดอ่าน4
**SETปิดวันนี้ที่ 733.71จุด บวก 3.3จุด

**SETปิดวันนี้ที่ 733.71จุด บวก 3.3จุด

**วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 733.71 จุด เพิ่มขึ้น 3.30 จุด หรือ 0.45 % มูลค่าการซื้อขาย 7,048.98 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่1.PTTAR  ปิดที่ 26.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 814.65 ลบ.2.PTT ปิดที่ 244.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 740.54 ลบ.3.PTTEP  ปิดที่ 146.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 599.69 ลบ.4.PTTCH ปิดที่ 74.50บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 447.05  ลบ.5.TMB ปิดที่ 1.26 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท มูลค่าการซื้อขาย 220.96 ลบ.      **วันนี้ดัชนีตลาด mai ปิดที่ 215.17 จุด เพิ่มขึ้น 0.52 จุด หรือ 0.24%    **วันนี้ SET50 Index ปิดที่ 519.62 จุด เพิ่มขึ้น 2.61 จุด หรือ 0.50%    **วันนี้ SET100 Index ปิดที่ 1118.86 จุด เพิ่มขึ้น 5.23 จุด หรือ 0.47%    

เปิดอ่าน5
ราคาน้ำมันดิบไลท์สิงคโปร์บ่ายนิ่งแตะ 78.05ดอลล์

ราคาน้ำมันดิบไลท์สิงคโปร์บ่ายนิ่งแตะ 78.05ดอลล์

        สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไลท์สัญญาส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ที่ตลาดสิงคโปร์ครึ่งวันบ่ายไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่ 78.05 ดอลลาร์/บาร์เรล        ขณะที่ราคาน้ำมันเตาเพิ่มขึ้น 1.1 เซนต์ มาอยู่ที่ 2.05 ดอลลาร์/แกลลอน ราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.1 เซนต์ มาอยู่ที่ 2 ดอลลาร์/แกลลอน และราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น 13.9 เซนต์ มาอยู่ที่ 5.78 ดอลลาร์/1 พันลูกบาศก์ฟุต        ทั้งนี้ ในวันนี้มูลค่าการซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ระหว่างใช้เวลาในวันหยุดช่วงเทศกาลคริสต์มาส ประกอบกับตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญยังคงปิดทำการ จึงขาดปัจจัยชี้นำความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน  

เปิดอ่าน4
บล.ฟิลลิปพร้อมรบสู้สงครามค่าคอมม์ 0%

บล.ฟิลลิปพร้อมรบสู้สงครามค่าคอมม์ 0%

นายสุชาย สุทัศน์ธรรมกุล กรรมการผู้จัดการ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า หลังจากที่มีการประกาศเริ่มกลยุทธ์ด้านราคาโดยคิดค่าค่อมมิชชั่นที่ 0% สำหรับวงเงินซื้อขายในส่วนที่เกินจาก 20 ล้านบาทแรก จากผลดังกล่าว ทำให้บริษัทต้องกลับมาพิจารณาและหากมีความจำเป็นก็พร้อมที่ใช้กลยุทธ์ด้านราคาเพื่อรักษาฐานลูกค้า สำหรับแนวทางในการพิจารณาจะพิจารณาเป็นรายกลุ่มลูกค้าหรือเป็นรายบุคคลที่มีปริมาณการซื้อขายผ่านบริษัทสม่ำเสมอ อีกทั้งคาดว่าหลังจากที่เริ่มมีการประกาศใช้กลยุทธ์ค่าอมมิชชั่น 0% ก็มีโอกาสที่โบรกเกอร์รายอื่นจะเข้ามาแข่งขันด้านราคานอกนี้หากประเมินถึงภาพรวมการซื้อขายมีแนวจะทยอยปรับตัวขึ้นสูงขึ้น ขณะที่นักลงทุนก็ต้องมีการปรับกลยุทธ์การลงทุนเพื่อให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ดีเชื่อว่ายังมีกลุ่มลูกค้าที่ยินดีจะจ่ายค่าธรรมเนียมเพื่อแลกกับบริการที่มีคุณภาพ

เปิดอ่าน5
คาดค่าเงินบาทปีหน้าแข็งแตะ 31.50บ.

คาดค่าเงินบาทปีหน้าแข็งแตะ 31.50บ.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินค่าเงินบาทปีหน้าแข็งค่าขึ้นแตะ 31.50 บาท/ดอลลาร์ จากปลายปีนี้คาดอยู่ที่ 32.75 บาท/ดอลล์ล่าร์นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า คาดการณ์ว่าค่าเงินบาทในปีหน้าน่าจะแข็งค่าแตะ 31.50 บาทต่อดอลลาร์ จากปลายปีนี้ที่คาดอยู่ที่ 32.75 บาทต่อดอลลาร์ โดยเชื่อว่าค่าเงินบาทในปีหน้าน่าจะผันผวนค่อนข้างมาก ซึ่งผู้ประกอบการที่ส่งออกไปยังต่างประเทศคงต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าไทยยังสามารถแข่งขันกับประเทศเวียดนามได้ เนื่องจากเชื่อว่าค่าเงินด่องยังคงอ่อนค่า

เปิดอ่าน7
GBXมั่นใจทองแท่งQ1/53แตะ19,500-20,500บ.

GBXมั่นใจทองแท่งQ1/53แตะ19,500-20,500บ.

\"ภาคภูมิ ภาคย์วิศาล\" กรรมการผู้จัดการ บมจ. โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ (GBX) มองราคาทองคำไตรมาส1/53 ยังไปได้สวย เหตุอานิสงส์ High Season ของ Jewelry Demand และเทศกาลตรุษจีน ระบุทองคำมีลุ้นแตะระดับสูงสุดปีหน้า 1,250 - 1,300 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือ 19,500-20,500 บาท/บาททอง แนะหากทองเริ่มปรับตัวลดลง ให้หาจังหวะทยอยซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว   นายภาคภูมิ ภาคย์วิศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำโลกในปี2553 ยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 1/2553 ที่ได้แรงหนุนต่อจากปัจจัยทางด้านฤดูกาลที่เป็นช่วง High Season ของ Jewelry Demand และเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจีนถือเป็นประเทศที่บริโภคทองรูปพรรณรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ประมาณปีละ 400 ตัน รองจากอินเดียที่บริโภคประมาณปีละ 800 ตัน   โดยทางโกลเบล็กมองจุดสูงสุดของราคาทองคำทั้งปี2553 ไว้ที่1,250 - 1,300 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 19,500-20,500 บาท/บาททอง ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นในช่วงครึ่งปีแรก และหลังจากนั้นราคาทองคำอาจจะร่วงลงแรงจากการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินสหรัฐฯจากผ่อนคลายเป็นเข้มงวด โดยคาดการณ์จุดต่ำสุดของราคาทองคำไว้ที่ 1,000-1,050 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 15,500-16,500 บาท/บาททอง อย่างไรก็ตาม สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี2553นั้น ยังคงแนะนำให้นักลงทุน  ซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น หรือประมาณ 20 - 30% ของพอร์ตการลงทุน   ขณะเดียวกันให้ติดตามการเคลื่อนไหวของตัวเลขเศรษฐกิจโลก รวมถึงค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับสถานะการลงทุน ทั้งนี้หากดอลล่าร์สหรัฐฯกลับมาแข็งค่าจนเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้น โอกาศที่ราคาทองคำโลกร่วงลงก็มีความเป็นไปได้สูง  ดังนั้นในช่วงจังหวะดังกล่าวจึงแนะให้การซื้อ และปรับกลยุทธ์จากการเก็งกำไรระยะสั้น มาเป็นการซื้อ เพื่อลงทุนระยะยาว ในลักษณะ 'Dollar Cost Averaging' หรือการลงทุนแบบทยอยซื้อ ' โพลล์คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำที่ 0-0.25% ต่อไปจนถึงปลายปี 2553 และสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาส 3/2553 เป็นต้นไป นอกจากนี้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯยังถูกกดดันจากการปรับเปลี่ยนทุนสำรองจากเงินดอลล่าร์สหรัฐฯเป็นทองคำของธนาคารกลางในแถบเอเชียและประเทศที่กำลังพัฒนาอีกด้วย การฟื้นตัวของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯที่เกิดขึ้นในปลายปี 2552 จึงเป็นเพียงปรากฎการณ์ชั่วคราว ดังนั้นทำให้มองว่าเสน่ห์ของการลงทุนในทองคำเพื่อการออม การลงทุน และการเก็งกำไรยังไม่หายไป' นายภาคภูมิ กล่าว  นอกจากนี้ นายภาคภูมิ ยังได้กล่าวถึงการลงทุนในทองคำแท่งช่วงปี2552ว่า ราคาได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงกว่า 30% ภายในปีเดียว โดยไปทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไว้ที่ 1,126.37 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 19,200 บาท/บาททอง ซึ่งทำให้เกิดกระแสที่เรียกว่า 'ตื่นทอง' ขึ้นในประเทศไทยตามมา โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่ SET Index ย่ำอยู่กับที่เพราะถูกกดดันจากปัญหาการเมืองและกรณีมาบตาพุด ส่งผลให้นักลงทุนหันมาสนใจลงทุนในทองคำแท่ง และ Gold Futures  เพิ่มขึ้น โดยจะเห็นได้จากปริมาณการซื้อขาย Gold Futures ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 5,000 สัญญาต่อวัน จากเดิมมีการซื้อขายเฉลี่ยประมาณ 500 สัญญาต่อวัน 

เปิดอ่าน6
GBXมั่นใจทองแท่งQ1/53แตะ19,500-20,500บ.

GBXมั่นใจทองแท่งQ1/53แตะ19,500-20,500บ.

\"ภาคภูมิ ภาคย์วิศาล\" กรรมการผู้จัดการ บมจ. โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ (GBX) มองราคาทองคำไตรมาส1/53 ยังไปได้สวย เหตุอานิสงส์ High Season ของ Jewelry Demand และเทศกาลตรุษจีน ระบุทองคำมีลุ้นแตะระดับสูงสุดปีหน้า 1,250 - 1,300 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือ 19,500-20,500 บาท/บาททอง แนะหากทองเริ่มปรับตัวลดลง ให้หาจังหวะทยอยซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว   นายภาคภูมิ ภาคย์วิศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำโลกในปี2553 ยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 1/2553 ที่ได้แรงหนุนต่อจากปัจจัยทางด้านฤดูกาลที่เป็นช่วง High Season ของ Jewelry Demand และเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจีนถือเป็นประเทศที่บริโภคทองรูปพรรณรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ประมาณปีละ 400 ตัน รองจากอินเดียที่บริโภคประมาณปีละ 800 ตัน   โดยทางโกลเบล็กมองจุดสูงสุดของราคาทองคำทั้งปี2553 ไว้ที่1,250 - 1,300 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 19,500-20,500 บาท/บาททอง ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นในช่วงครึ่งปีแรก และหลังจากนั้นราคาทองคำอาจจะร่วงลงแรงจากการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินสหรัฐฯจากผ่อนคลายเป็นเข้มงวด โดยคาดการณ์จุดต่ำสุดของราคาทองคำไว้ที่ 1,000-1,050 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 15,500-16,500 บาท/บาททอง อย่างไรก็ตาม สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี2553นั้น ยังคงแนะนำให้นักลงทุน  ซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น หรือประมาณ 20 - 30% ของพอร์ตการลงทุน   ขณะเดียวกันให้ติดตามการเคลื่อนไหวของตัวเลขเศรษฐกิจโลก รวมถึงค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับสถานะการลงทุน ทั้งนี้หากดอลล่าร์สหรัฐฯกลับมาแข็งค่าจนเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้น โอกาศที่ราคาทองคำโลกร่วงลงก็มีความเป็นไปได้สูง  ดังนั้นในช่วงจังหวะดังกล่าวจึงแนะให้การซื้อ และปรับกลยุทธ์จากการเก็งกำไรระยะสั้น มาเป็นการซื้อ เพื่อลงทุนระยะยาว ในลักษณะ 'Dollar Cost Averaging' หรือการลงทุนแบบทยอยซื้อ ' โพลล์คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำที่ 0-0.25% ต่อไปจนถึงปลายปี 2553 และสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาส 3/2553 เป็นต้นไป นอกจากนี้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯยังถูกกดดันจากการปรับเปลี่ยนทุนสำรองจากเงินดอลล่าร์สหรัฐฯเป็นทองคำของธนาคารกลางในแถบเอเชียและประเทศที่กำลังพัฒนาอีกด้วย การฟื้นตัวของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯที่เกิดขึ้นในปลายปี 2552 จึงเป็นเพียงปรากฎการณ์ชั่วคราว ดังนั้นทำให้มองว่าเสน่ห์ของการลงทุนในทองคำเพื่อการออม การลงทุน และการเก็งกำไรยังไม่หายไป' นายภาคภูมิ กล่าว  นอกจากนี้ นายภาคภูมิ ยังได้กล่าวถึงการลงทุนในทองคำแท่งช่วงปี2552ว่า ราคาได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงกว่า 30% ภายในปีเดียว โดยไปทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไว้ที่ 1,126.37 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 19,200 บาท/บาททอง ซึ่งทำให้เกิดกระแสที่เรียกว่า 'ตื่นทอง' ขึ้นในประเทศไทยตามมา โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่ SET Index ย่ำอยู่กับที่เพราะถูกกดดันจากปัญหาการเมืองและกรณีมาบตาพุด ส่งผลให้นักลงทุนหันมาสนใจลงทุนในทองคำแท่ง และ Gold Futures  เพิ่มขึ้น โดยจะเห็นได้จากปริมาณการซื้อขาย Gold Futures ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 5,000 สัญญาต่อวัน จากเดิมมีการซื้อขายเฉลี่ยประมาณ 500 สัญญาต่อวัน 

เปิดอ่าน10
GBXมั่นใจทองแท่งQ1/53แตะ19,500-20,500บ.

GBXมั่นใจทองแท่งQ1/53แตะ19,500-20,500บ.

\"ภาคภูมิ ภาคย์วิศาล\" กรรมการผู้จัดการ บมจ. โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ (GBX) มองราคาทองคำไตรมาส1/53 ยังไปได้สวย เหตุอานิสงส์ High Season ของ Jewelry Demand และเทศกาลตรุษจีน ระบุทองคำมีลุ้นแตะระดับสูงสุดปีหน้า 1,250 - 1,300 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือ 19,500-20,500 บาท/บาททอง แนะหากทองเริ่มปรับตัวลดลง ให้หาจังหวะทยอยซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว   นายภาคภูมิ ภาคย์วิศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำโลกในปี2553 ยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 1/2553 ที่ได้แรงหนุนต่อจากปัจจัยทางด้านฤดูกาลที่เป็นช่วง High Season ของ Jewelry Demand และเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจีนถือเป็นประเทศที่บริโภคทองรูปพรรณรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ประมาณปีละ 400 ตัน รองจากอินเดียที่บริโภคประมาณปีละ 800 ตัน   โดยทางโกลเบล็กมองจุดสูงสุดของราคาทองคำทั้งปี2553 ไว้ที่1,250 - 1,300 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 19,500-20,500 บาท/บาททอง ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นในช่วงครึ่งปีแรก และหลังจากนั้นราคาทองคำอาจจะร่วงลงแรงจากการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินสหรัฐฯจากผ่อนคลายเป็นเข้มงวด โดยคาดการณ์จุดต่ำสุดของราคาทองคำไว้ที่ 1,000-1,050 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 15,500-16,500 บาท/บาททอง อย่างไรก็ตาม สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี2553นั้น ยังคงแนะนำให้นักลงทุน  ซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น หรือประมาณ 20 - 30% ของพอร์ตการลงทุน   ขณะเดียวกันให้ติดตามการเคลื่อนไหวของตัวเลขเศรษฐกิจโลก รวมถึงค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับสถานะการลงทุน ทั้งนี้หากดอลล่าร์สหรัฐฯกลับมาแข็งค่าจนเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้น โอกาศที่ราคาทองคำโลกร่วงลงก็มีความเป็นไปได้สูง  ดังนั้นในช่วงจังหวะดังกล่าวจึงแนะให้การซื้อ และปรับกลยุทธ์จากการเก็งกำไรระยะสั้น มาเป็นการซื้อ เพื่อลงทุนระยะยาว ในลักษณะ 'Dollar Cost Averaging' หรือการลงทุนแบบทยอยซื้อ ' โพลล์คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำที่ 0-0.25% ต่อไปจนถึงปลายปี 2553 และสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาส 3/2553 เป็นต้นไป นอกจากนี้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯยังถูกกดดันจากการปรับเปลี่ยนทุนสำรองจากเงินดอลล่าร์สหรัฐฯเป็นทองคำของธนาคารกลางในแถบเอเชียและประเทศที่กำลังพัฒนาอีกด้วย การฟื้นตัวของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯที่เกิดขึ้นในปลายปี 2552 จึงเป็นเพียงปรากฎการณ์ชั่วคราว ดังนั้นทำให้มองว่าเสน่ห์ของการลงทุนในทองคำเพื่อการออม การลงทุน และการเก็งกำไรยังไม่หายไป' นายภาคภูมิ กล่าว  นอกจากนี้ นายภาคภูมิ ยังได้กล่าวถึงการลงทุนในทองคำแท่งช่วงปี2552ว่า ราคาได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงกว่า 30% ภายในปีเดียว โดยไปทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไว้ที่ 1,126.37 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 19,200 บาท/บาททอง ซึ่งทำให้เกิดกระแสที่เรียกว่า 'ตื่นทอง' ขึ้นในประเทศไทยตามมา โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่ SET Index ย่ำอยู่กับที่เพราะถูกกดดันจากปัญหาการเมืองและกรณีมาบตาพุด ส่งผลให้นักลงทุนหันมาสนใจลงทุนในทองคำแท่ง และ Gold Futures  เพิ่มขึ้น โดยจะเห็นได้จากปริมาณการซื้อขาย Gold Futures ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 5,000 สัญญาต่อวัน จากเดิมมีการซื้อขายเฉลี่ยประมาณ 500 สัญญาต่อวัน 

เปิดอ่าน6
คาดค่าเงินบาทปีหน้าแข็งแตะ 31.50บ.

คาดค่าเงินบาทปีหน้าแข็งแตะ 31.50บ.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินค่าเงินบาทปีหน้าแข็งค่าขึ้นแตะ 31.50 บาท/ดอลลาร์ จากปลายปีนี้คาดอยู่ที่ 32.75 บาท/ดอลล์ล่าร์นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า คาดการณ์ว่าค่าเงินบาทในปีหน้าน่าจะแข็งค่าแตะ 31.50 บาทต่อดอลลาร์ จากปลายปีนี้ที่คาดอยู่ที่ 32.75 บาทต่อดอลลาร์ โดยเชื่อว่าค่าเงินบาทในปีหน้าน่าจะผันผวนค่อนข้างมาก ซึ่งผู้ประกอบการที่ส่งออกไปยังต่างประเทศคงต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าไทยยังสามารถแข่งขันกับประเทศเวียดนามได้ เนื่องจากเชื่อว่าค่าเงินด่องยังคงอ่อนค่า

เปิดอ่าน8
GBXมั่นใจทองแท่งQ1/53แตะ19,500-20,500บ.

GBXมั่นใจทองแท่งQ1/53แตะ19,500-20,500บ.

\"ภาคภูมิ ภาคย์วิศาล\" กรรมการผู้จัดการ บมจ. โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ (GBX) มองราคาทองคำไตรมาส1/53 ยังไปได้สวย เหตุอานิสงส์ High Season ของ Jewelry Demand และเทศกาลตรุษจีน ระบุทองคำมีลุ้นแตะระดับสูงสุดปีหน้า 1,250 - 1,300 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือ 19,500-20,500 บาท/บาททอง แนะหากทองเริ่มปรับตัวลดลง ให้หาจังหวะทยอยซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว   นายภาคภูมิ ภาคย์วิศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำโลกในปี2553 ยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 1/2553 ที่ได้แรงหนุนต่อจากปัจจัยทางด้านฤดูกาลที่เป็นช่วง High Season ของ Jewelry Demand และเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจีนถือเป็นประเทศที่บริโภคทองรูปพรรณรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ประมาณปีละ 400 ตัน รองจากอินเดียที่บริโภคประมาณปีละ 800 ตัน   โดยทางโกลเบล็กมองจุดสูงสุดของราคาทองคำทั้งปี2553 ไว้ที่1,250 - 1,300 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 19,500-20,500 บาท/บาททอง ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นในช่วงครึ่งปีแรก และหลังจากนั้นราคาทองคำอาจจะร่วงลงแรงจากการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินสหรัฐฯจากผ่อนคลายเป็นเข้มงวด โดยคาดการณ์จุดต่ำสุดของราคาทองคำไว้ที่ 1,000-1,050 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 15,500-16,500 บาท/บาททอง อย่างไรก็ตาม สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี2553นั้น ยังคงแนะนำให้นักลงทุน  ซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น หรือประมาณ 20 - 30% ของพอร์ตการลงทุน   ขณะเดียวกันให้ติดตามการเคลื่อนไหวของตัวเลขเศรษฐกิจโลก รวมถึงค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับสถานะการลงทุน ทั้งนี้หากดอลล่าร์สหรัฐฯกลับมาแข็งค่าจนเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้น โอกาศที่ราคาทองคำโลกร่วงลงก็มีความเป็นไปได้สูง  ดังนั้นในช่วงจังหวะดังกล่าวจึงแนะให้การซื้อ และปรับกลยุทธ์จากการเก็งกำไรระยะสั้น มาเป็นการซื้อ เพื่อลงทุนระยะยาว ในลักษณะ 'Dollar Cost Averaging' หรือการลงทุนแบบทยอยซื้อ ' โพลล์คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำที่ 0-0.25% ต่อไปจนถึงปลายปี 2553 และสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาส 3/2553 เป็นต้นไป นอกจากนี้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯยังถูกกดดันจากการปรับเปลี่ยนทุนสำรองจากเงินดอลล่าร์สหรัฐฯเป็นทองคำของธนาคารกลางในแถบเอเชียและประเทศที่กำลังพัฒนาอีกด้วย การฟื้นตัวของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯที่เกิดขึ้นในปลายปี 2552 จึงเป็นเพียงปรากฎการณ์ชั่วคราว ดังนั้นทำให้มองว่าเสน่ห์ของการลงทุนในทองคำเพื่อการออม การลงทุน และการเก็งกำไรยังไม่หายไป' นายภาคภูมิ กล่าว  นอกจากนี้ นายภาคภูมิ ยังได้กล่าวถึงการลงทุนในทองคำแท่งช่วงปี2552ว่า ราคาได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงกว่า 30% ภายในปีเดียว โดยไปทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไว้ที่ 1,126.37 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 19,200 บาท/บาททอง ซึ่งทำให้เกิดกระแสที่เรียกว่า 'ตื่นทอง' ขึ้นในประเทศไทยตามมา โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่ SET Index ย่ำอยู่กับที่เพราะถูกกดดันจากปัญหาการเมืองและกรณีมาบตาพุด ส่งผลให้นักลงทุนหันมาสนใจลงทุนในทองคำแท่ง และ Gold Futures  เพิ่มขึ้น โดยจะเห็นได้จากปริมาณการซื้อขาย Gold Futures ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 5,000 สัญญาต่อวัน จากเดิมมีการซื้อขายเฉลี่ยประมาณ 500 สัญญาต่อวัน 

เปิดอ่าน7
GBXมั่นใจทองแท่งQ1/53แตะ19,500-20,500บ.

GBXมั่นใจทองแท่งQ1/53แตะ19,500-20,500บ.

\"ภาคภูมิ ภาคย์วิศาล\" กรรมการผู้จัดการ บมจ. โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ (GBX) มองราคาทองคำไตรมาส1/53 ยังไปได้สวย เหตุอานิสงส์ High Season ของ Jewelry Demand และเทศกาลตรุษจีน ระบุทองคำมีลุ้นแตะระดับสูงสุดปีหน้า 1,250 - 1,300 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือ 19,500-20,500 บาท/บาททอง แนะหากทองเริ่มปรับตัวลดลง ให้หาจังหวะทยอยซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว   นายภาคภูมิ ภาคย์วิศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำโลกในปี2553 ยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 1/2553 ที่ได้แรงหนุนต่อจากปัจจัยทางด้านฤดูกาลที่เป็นช่วง High Season ของ Jewelry Demand และเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจีนถือเป็นประเทศที่บริโภคทองรูปพรรณรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ประมาณปีละ 400 ตัน รองจากอินเดียที่บริโภคประมาณปีละ 800 ตัน   โดยทางโกลเบล็กมองจุดสูงสุดของราคาทองคำทั้งปี2553 ไว้ที่1,250 - 1,300 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 19,500-20,500 บาท/บาททอง ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นในช่วงครึ่งปีแรก และหลังจากนั้นราคาทองคำอาจจะร่วงลงแรงจากการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินสหรัฐฯจากผ่อนคลายเป็นเข้มงวด โดยคาดการณ์จุดต่ำสุดของราคาทองคำไว้ที่ 1,000-1,050 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 15,500-16,500 บาท/บาททอง อย่างไรก็ตาม สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี2553นั้น ยังคงแนะนำให้นักลงทุน  ซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น หรือประมาณ 20 - 30% ของพอร์ตการลงทุน   ขณะเดียวกันให้ติดตามการเคลื่อนไหวของตัวเลขเศรษฐกิจโลก รวมถึงค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับสถานะการลงทุน ทั้งนี้หากดอลล่าร์สหรัฐฯกลับมาแข็งค่าจนเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้น โอกาศที่ราคาทองคำโลกร่วงลงก็มีความเป็นไปได้สูง  ดังนั้นในช่วงจังหวะดังกล่าวจึงแนะให้การซื้อ และปรับกลยุทธ์จากการเก็งกำไรระยะสั้น มาเป็นการซื้อ เพื่อลงทุนระยะยาว ในลักษณะ 'Dollar Cost Averaging' หรือการลงทุนแบบทยอยซื้อ ' โพลล์คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำที่ 0-0.25% ต่อไปจนถึงปลายปี 2553 และสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาส 3/2553 เป็นต้นไป นอกจากนี้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯยังถูกกดดันจากการปรับเปลี่ยนทุนสำรองจากเงินดอลล่าร์สหรัฐฯเป็นทองคำของธนาคารกลางในแถบเอเชียและประเทศที่กำลังพัฒนาอีกด้วย การฟื้นตัวของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯที่เกิดขึ้นในปลายปี 2552 จึงเป็นเพียงปรากฎการณ์ชั่วคราว ดังนั้นทำให้มองว่าเสน่ห์ของการลงทุนในทองคำเพื่อการออม การลงทุน และการเก็งกำไรยังไม่หายไป' นายภาคภูมิ กล่าว  นอกจากนี้ นายภาคภูมิ ยังได้กล่าวถึงการลงทุนในทองคำแท่งช่วงปี2552ว่า ราคาได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงกว่า 30% ภายในปีเดียว โดยไปทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไว้ที่ 1,126.37 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 19,200 บาท/บาททอง ซึ่งทำให้เกิดกระแสที่เรียกว่า 'ตื่นทอง' ขึ้นในประเทศไทยตามมา โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่ SET Index ย่ำอยู่กับที่เพราะถูกกดดันจากปัญหาการเมืองและกรณีมาบตาพุด ส่งผลให้นักลงทุนหันมาสนใจลงทุนในทองคำแท่ง และ Gold Futures  เพิ่มขึ้น โดยจะเห็นได้จากปริมาณการซื้อขาย Gold Futures ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 5,000 สัญญาต่อวัน จากเดิมมีการซื้อขายเฉลี่ยประมาณ 500 สัญญาต่อวัน 

เปิดอ่าน9
GBXมั่นใจทองแท่งQ1/53แตะ19,500-20,500บ.

GBXมั่นใจทองแท่งQ1/53แตะ19,500-20,500บ.

\"ภาคภูมิ ภาคย์วิศาล\" กรรมการผู้จัดการ บมจ. โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ (GBX) มองราคาทองคำไตรมาส1/53 ยังไปได้สวย เหตุอานิสงส์ High Season ของ Jewelry Demand และเทศกาลตรุษจีน ระบุทองคำมีลุ้นแตะระดับสูงสุดปีหน้า 1,250 - 1,300 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือ 19,500-20,500 บาท/บาททอง แนะหากทองเริ่มปรับตัวลดลง ให้หาจังหวะทยอยซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว   นายภาคภูมิ ภาคย์วิศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำโลกในปี2553 ยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 1/2553 ที่ได้แรงหนุนต่อจากปัจจัยทางด้านฤดูกาลที่เป็นช่วง High Season ของ Jewelry Demand และเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจีนถือเป็นประเทศที่บริโภคทองรูปพรรณรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ประมาณปีละ 400 ตัน รองจากอินเดียที่บริโภคประมาณปีละ 800 ตัน   โดยทางโกลเบล็กมองจุดสูงสุดของราคาทองคำทั้งปี2553 ไว้ที่1,250 - 1,300 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 19,500-20,500 บาท/บาททอง ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นในช่วงครึ่งปีแรก และหลังจากนั้นราคาทองคำอาจจะร่วงลงแรงจากการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินสหรัฐฯจากผ่อนคลายเป็นเข้มงวด โดยคาดการณ์จุดต่ำสุดของราคาทองคำไว้ที่ 1,000-1,050 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 15,500-16,500 บาท/บาททอง อย่างไรก็ตาม สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี2553นั้น ยังคงแนะนำให้นักลงทุน  ซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น หรือประมาณ 20 - 30% ของพอร์ตการลงทุน   ขณะเดียวกันให้ติดตามการเคลื่อนไหวของตัวเลขเศรษฐกิจโลก รวมถึงค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับสถานะการลงทุน ทั้งนี้หากดอลล่าร์สหรัฐฯกลับมาแข็งค่าจนเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้น โอกาศที่ราคาทองคำโลกร่วงลงก็มีความเป็นไปได้สูง  ดังนั้นในช่วงจังหวะดังกล่าวจึงแนะให้การซื้อ และปรับกลยุทธ์จากการเก็งกำไรระยะสั้น มาเป็นการซื้อ เพื่อลงทุนระยะยาว ในลักษณะ 'Dollar Cost Averaging' หรือการลงทุนแบบทยอยซื้อ ' โพลล์คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำที่ 0-0.25% ต่อไปจนถึงปลายปี 2553 และสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาส 3/2553 เป็นต้นไป นอกจากนี้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯยังถูกกดดันจากการปรับเปลี่ยนทุนสำรองจากเงินดอลล่าร์สหรัฐฯเป็นทองคำของธนาคารกลางในแถบเอเชียและประเทศที่กำลังพัฒนาอีกด้วย การฟื้นตัวของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯที่เกิดขึ้นในปลายปี 2552 จึงเป็นเพียงปรากฎการณ์ชั่วคราว ดังนั้นทำให้มองว่าเสน่ห์ของการลงทุนในทองคำเพื่อการออม การลงทุน และการเก็งกำไรยังไม่หายไป' นายภาคภูมิ กล่าว  นอกจากนี้ นายภาคภูมิ ยังได้กล่าวถึงการลงทุนในทองคำแท่งช่วงปี2552ว่า ราคาได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงกว่า 30% ภายในปีเดียว โดยไปทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไว้ที่ 1,126.37 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 19,200 บาท/บาททอง ซึ่งทำให้เกิดกระแสที่เรียกว่า 'ตื่นทอง' ขึ้นในประเทศไทยตามมา โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่ SET Index ย่ำอยู่กับที่เพราะถูกกดดันจากปัญหาการเมืองและกรณีมาบตาพุด ส่งผลให้นักลงทุนหันมาสนใจลงทุนในทองคำแท่ง และ Gold Futures  เพิ่มขึ้น โดยจะเห็นได้จากปริมาณการซื้อขาย Gold Futures ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 5,000 สัญญาต่อวัน จากเดิมมีการซื้อขายเฉลี่ยประมาณ 500 สัญญาต่อวัน 

เปิดอ่าน5
GBXมั่นใจทองแท่งQ1/53แตะ19,500-20,500บ.

GBXมั่นใจทองแท่งQ1/53แตะ19,500-20,500บ.

\"ภาคภูมิ ภาคย์วิศาล\" กรรมการผู้จัดการ บมจ. โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ (GBX) มองราคาทองคำไตรมาส1/53 ยังไปได้สวย เหตุอานิสงส์ High Season ของ Jewelry Demand และเทศกาลตรุษจีน ระบุทองคำมีลุ้นแตะระดับสูงสุดปีหน้า 1,250 - 1,300 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือ 19,500-20,500 บาท/บาททอง แนะหากทองเริ่มปรับตัวลดลง ให้หาจังหวะทยอยซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว   นายภาคภูมิ ภาคย์วิศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำโลกในปี2553 ยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 1/2553 ที่ได้แรงหนุนต่อจากปัจจัยทางด้านฤดูกาลที่เป็นช่วง High Season ของ Jewelry Demand และเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจีนถือเป็นประเทศที่บริโภคทองรูปพรรณรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ประมาณปีละ 400 ตัน รองจากอินเดียที่บริโภคประมาณปีละ 800 ตัน   โดยทางโกลเบล็กมองจุดสูงสุดของราคาทองคำทั้งปี2553 ไว้ที่1,250 - 1,300 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 19,500-20,500 บาท/บาททอง ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นในช่วงครึ่งปีแรก และหลังจากนั้นราคาทองคำอาจจะร่วงลงแรงจากการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินสหรัฐฯจากผ่อนคลายเป็นเข้มงวด โดยคาดการณ์จุดต่ำสุดของราคาทองคำไว้ที่ 1,000-1,050 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 15,500-16,500 บาท/บาททอง อย่างไรก็ตาม สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี2553นั้น ยังคงแนะนำให้นักลงทุน  ซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น หรือประมาณ 20 - 30% ของพอร์ตการลงทุน   ขณะเดียวกันให้ติดตามการเคลื่อนไหวของตัวเลขเศรษฐกิจโลก รวมถึงค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับสถานะการลงทุน ทั้งนี้หากดอลล่าร์สหรัฐฯกลับมาแข็งค่าจนเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้น โอกาศที่ราคาทองคำโลกร่วงลงก็มีความเป็นไปได้สูง  ดังนั้นในช่วงจังหวะดังกล่าวจึงแนะให้การซื้อ และปรับกลยุทธ์จากการเก็งกำไรระยะสั้น มาเป็นการซื้อ เพื่อลงทุนระยะยาว ในลักษณะ 'Dollar Cost Averaging' หรือการลงทุนแบบทยอยซื้อ ' โพลล์คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำที่ 0-0.25% ต่อไปจนถึงปลายปี 2553 และสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาส 3/2553 เป็นต้นไป นอกจากนี้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯยังถูกกดดันจากการปรับเปลี่ยนทุนสำรองจากเงินดอลล่าร์สหรัฐฯเป็นทองคำของธนาคารกลางในแถบเอเชียและประเทศที่กำลังพัฒนาอีกด้วย การฟื้นตัวของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯที่เกิดขึ้นในปลายปี 2552 จึงเป็นเพียงปรากฎการณ์ชั่วคราว ดังนั้นทำให้มองว่าเสน่ห์ของการลงทุนในทองคำเพื่อการออม การลงทุน และการเก็งกำไรยังไม่หายไป' นายภาคภูมิ กล่าว  นอกจากนี้ นายภาคภูมิ ยังได้กล่าวถึงการลงทุนในทองคำแท่งช่วงปี2552ว่า ราคาได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงกว่า 30% ภายในปีเดียว โดยไปทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไว้ที่ 1,126.37 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 19,200 บาท/บาททอง ซึ่งทำให้เกิดกระแสที่เรียกว่า 'ตื่นทอง' ขึ้นในประเทศไทยตามมา โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่ SET Index ย่ำอยู่กับที่เพราะถูกกดดันจากปัญหาการเมืองและกรณีมาบตาพุด ส่งผลให้นักลงทุนหันมาสนใจลงทุนในทองคำแท่ง และ Gold Futures  เพิ่มขึ้น โดยจะเห็นได้จากปริมาณการซื้อขาย Gold Futures ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 5,000 สัญญาต่อวัน จากเดิมมีการซื้อขายเฉลี่ยประมาณ 500 สัญญาต่อวัน 

เปิดอ่าน5
คาดค่าเงินบาทปีหน้าแข็งแตะ 31.50บ.

คาดค่าเงินบาทปีหน้าแข็งแตะ 31.50บ.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินค่าเงินบาทปีหน้าแข็งค่าขึ้นแตะ 31.50 บาท/ดอลลาร์ จากปลายปีนี้คาดอยู่ที่ 32.75 บาท/ดอลล์ล่าร์นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า คาดการณ์ว่าค่าเงินบาทในปีหน้าน่าจะแข็งค่าแตะ 31.50 บาทต่อดอลลาร์ จากปลายปีนี้ที่คาดอยู่ที่ 32.75 บาทต่อดอลลาร์ โดยเชื่อว่าค่าเงินบาทในปีหน้าน่าจะผันผวนค่อนข้างมาก ซึ่งผู้ประกอบการที่ส่งออกไปยังต่างประเทศคงต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าไทยยังสามารถแข่งขันกับประเทศเวียดนามได้ เนื่องจากเชื่อว่าค่าเงินด่องยังคงอ่อนค่า

เปิดอ่าน7
คาดค่าเงินบาทปีหน้าแข็งแตะ 31.50บ.

คาดค่าเงินบาทปีหน้าแข็งแตะ 31.50บ.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินค่าเงินบาทปีหน้าแข็งค่าขึ้นแตะ 31.50 บาท/ดอลลาร์ จากปลายปีนี้คาดอยู่ที่ 32.75 บาท/ดอลล์ล่าร์นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า คาดการณ์ว่าค่าเงินบาทในปีหน้าน่าจะแข็งค่าแตะ 31.50 บาทต่อดอลลาร์ จากปลายปีนี้ที่คาดอยู่ที่ 32.75 บาทต่อดอลลาร์ โดยเชื่อว่าค่าเงินบาทในปีหน้าน่าจะผันผวนค่อนข้างมาก ซึ่งผู้ประกอบการที่ส่งออกไปยังต่างประเทศคงต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าไทยยังสามารถแข่งขันกับประเทศเวียดนามได้ เนื่องจากเชื่อว่าค่าเงินด่องยังคงอ่อนค่า

เปิดอ่าน12
GBXมั่นใจทองแท่งQ1/53แตะ19,500-20,500บ.

GBXมั่นใจทองแท่งQ1/53แตะ19,500-20,500บ.

\"ภาคภูมิ ภาคย์วิศาล\" กรรมการผู้จัดการ บมจ. โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ (GBX) มองราคาทองคำไตรมาส1/53 ยังไปได้สวย เหตุอานิสงส์ High Season ของ Jewelry Demand และเทศกาลตรุษจีน ระบุทองคำมีลุ้นแตะระดับสูงสุดปีหน้า 1,250 - 1,300 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือ 19,500-20,500 บาท/บาททอง แนะหากทองเริ่มปรับตัวลดลง ให้หาจังหวะทยอยซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว   นายภาคภูมิ ภาคย์วิศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำโลกในปี2553 ยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 1/2553 ที่ได้แรงหนุนต่อจากปัจจัยทางด้านฤดูกาลที่เป็นช่วง High Season ของ Jewelry Demand และเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจีนถือเป็นประเทศที่บริโภคทองรูปพรรณรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ประมาณปีละ 400 ตัน รองจากอินเดียที่บริโภคประมาณปีละ 800 ตัน   โดยทางโกลเบล็กมองจุดสูงสุดของราคาทองคำทั้งปี2553 ไว้ที่1,250 - 1,300 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 19,500-20,500 บาท/บาททอง ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นในช่วงครึ่งปีแรก และหลังจากนั้นราคาทองคำอาจจะร่วงลงแรงจากการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินสหรัฐฯจากผ่อนคลายเป็นเข้มงวด โดยคาดการณ์จุดต่ำสุดของราคาทองคำไว้ที่ 1,000-1,050 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 15,500-16,500 บาท/บาททอง อย่างไรก็ตาม สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี2553นั้น ยังคงแนะนำให้นักลงทุน  ซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น หรือประมาณ 20 - 30% ของพอร์ตการลงทุน   ขณะเดียวกันให้ติดตามการเคลื่อนไหวของตัวเลขเศรษฐกิจโลก รวมถึงค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับสถานะการลงทุน ทั้งนี้หากดอลล่าร์สหรัฐฯกลับมาแข็งค่าจนเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้น โอกาศที่ราคาทองคำโลกร่วงลงก็มีความเป็นไปได้สูง  ดังนั้นในช่วงจังหวะดังกล่าวจึงแนะให้การซื้อ และปรับกลยุทธ์จากการเก็งกำไรระยะสั้น มาเป็นการซื้อ เพื่อลงทุนระยะยาว ในลักษณะ 'Dollar Cost Averaging' หรือการลงทุนแบบทยอยซื้อ ' โพลล์คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำที่ 0-0.25% ต่อไปจนถึงปลายปี 2553 และสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาส 3/2553 เป็นต้นไป นอกจากนี้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯยังถูกกดดันจากการปรับเปลี่ยนทุนสำรองจากเงินดอลล่าร์สหรัฐฯเป็นทองคำของธนาคารกลางในแถบเอเชียและประเทศที่กำลังพัฒนาอีกด้วย การฟื้นตัวของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯที่เกิดขึ้นในปลายปี 2552 จึงเป็นเพียงปรากฎการณ์ชั่วคราว ดังนั้นทำให้มองว่าเสน่ห์ของการลงทุนในทองคำเพื่อการออม การลงทุน และการเก็งกำไรยังไม่หายไป' นายภาคภูมิ กล่าว  นอกจากนี้ นายภาคภูมิ ยังได้กล่าวถึงการลงทุนในทองคำแท่งช่วงปี2552ว่า ราคาได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงกว่า 30% ภายในปีเดียว โดยไปทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไว้ที่ 1,126.37 เหรียญสหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 19,200 บาท/บาททอง ซึ่งทำให้เกิดกระแสที่เรียกว่า 'ตื่นทอง' ขึ้นในประเทศไทยตามมา โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่ SET Index ย่ำอยู่กับที่เพราะถูกกดดันจากปัญหาการเมืองและกรณีมาบตาพุด ส่งผลให้นักลงทุนหันมาสนใจลงทุนในทองคำแท่ง และ Gold Futures  เพิ่มขึ้น โดยจะเห็นได้จากปริมาณการซื้อขาย Gold Futures ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 5,000 สัญญาต่อวัน จากเดิมมีการซื้อขายเฉลี่ยประมาณ 500 สัญญาต่อวัน 

เปิดอ่าน5
คาดค่าเงินบาทปีหน้าแข็งแตะ 31.50บ.

คาดค่าเงินบาทปีหน้าแข็งแตะ 31.50บ.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินค่าเงินบาทปีหน้าแข็งค่าขึ้นแตะ 31.50 บาท/ดอลลาร์ จากปลายปีนี้คาดอยู่ที่ 32.75 บาท/ดอลล์ล่าร์นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า คาดการณ์ว่าค่าเงินบาทในปีหน้าน่าจะแข็งค่าแตะ 31.50 บาทต่อดอลลาร์ จากปลายปีนี้ที่คาดอยู่ที่ 32.75 บาทต่อดอลลาร์ โดยเชื่อว่าค่าเงินบาทในปีหน้าน่าจะผันผวนค่อนข้างมาก ซึ่งผู้ประกอบการที่ส่งออกไปยังต่างประเทศคงต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าไทยยังสามารถแข่งขันกับประเทศเวียดนามได้ เนื่องจากเชื่อว่าค่าเงินด่องยังคงอ่อนค่า

เปิดอ่าน9
คาดค่าเงินบาทปีหน้าแข็งแตะ 31.50บ.

คาดค่าเงินบาทปีหน้าแข็งแตะ 31.50บ.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินค่าเงินบาทปีหน้าแข็งค่าขึ้นแตะ 31.50 บาท/ดอลลาร์ จากปลายปีนี้คาดอยู่ที่ 32.75 บาท/ดอลล์ล่าร์นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า คาดการณ์ว่าค่าเงินบาทในปีหน้าน่าจะแข็งค่าแตะ 31.50 บาทต่อดอลลาร์ จากปลายปีนี้ที่คาดอยู่ที่ 32.75 บาทต่อดอลลาร์ โดยเชื่อว่าค่าเงินบาทในปีหน้าน่าจะผันผวนค่อนข้างมาก ซึ่งผู้ประกอบการที่ส่งออกไปยังต่างประเทศคงต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าไทยยังสามารถแข่งขันกับประเทศเวียดนามได้ เนื่องจากเชื่อว่าค่าเงินด่องยังคงอ่อนค่า

เปิดอ่าน10
คาดค่าเงินบาทปีหน้าแข็งแตะ 31.50บ.

คาดค่าเงินบาทปีหน้าแข็งแตะ 31.50บ.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินค่าเงินบาทปีหน้าแข็งค่าขึ้นแตะ 31.50 บาท/ดอลลาร์ จากปลายปีนี้คาดอยู่ที่ 32.75 บาท/ดอลล์ล่าร์นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า คาดการณ์ว่าค่าเงินบาทในปีหน้าน่าจะแข็งค่าแตะ 31.50 บาทต่อดอลลาร์ จากปลายปีนี้ที่คาดอยู่ที่ 32.75 บาทต่อดอลลาร์ โดยเชื่อว่าค่าเงินบาทในปีหน้าน่าจะผันผวนค่อนข้างมาก ซึ่งผู้ประกอบการที่ส่งออกไปยังต่างประเทศคงต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าไทยยังสามารถแข่งขันกับประเทศเวียดนามได้ เนื่องจากเชื่อว่าค่าเงินด่องยังคงอ่อนค่า

เปิดอ่าน13
คาดค่าเงินบาทปีหน้าแข็งแตะ 31.50บ.

คาดค่าเงินบาทปีหน้าแข็งแตะ 31.50บ.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินค่าเงินบาทปีหน้าแข็งค่าขึ้นแตะ 31.50 บาท/ดอลลาร์ จากปลายปีนี้คาดอยู่ที่ 32.75 บาท/ดอลล์ล่าร์นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า คาดการณ์ว่าค่าเงินบาทในปีหน้าน่าจะแข็งค่าแตะ 31.50 บาทต่อดอลลาร์ จากปลายปีนี้ที่คาดอยู่ที่ 32.75 บาทต่อดอลลาร์ โดยเชื่อว่าค่าเงินบาทในปีหน้าน่าจะผันผวนค่อนข้างมาก ซึ่งผู้ประกอบการที่ส่งออกไปยังต่างประเทศคงต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าไทยยังสามารถแข่งขันกับประเทศเวียดนามได้ เนื่องจากเชื่อว่าค่าเงินด่องยังคงอ่อนค่า

เปิดอ่าน6